บทความฟุตบอล มูรินโญ่ ยังแจ๋ว พาโรม่าคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรก!!
บทความฟุตบอล มูรินโญ่ ในสายตาแฟนบอลในช่วงก่อนหน้านี้คงจะร้องอี๋ไปแล้ว แต่นั่นมันก็ไม่ใช่สำหรับตอนนี้หลังที่กุนซือรายนี้สามารถสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กับ “โรม่า” ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกของสโมสรกับถ้วย “ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก”
นี่ถือว่าเป็นถ้วยยุโรประดับ 3 ที่จัดการแข่งขันโดย “สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป” หรือที่รู้จักกันในนาม “ยูฟ่า” ซึ่งการคว้าชัยของ “จัลโลรอสซี่” เหนือ “เฟเยนูร็ด” จากประตูโทนของ “นิโคโล่ ซานิโอโล่” ทำให้ทีมจากอิตาลีกลายเป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ไปด้วย
อีกทั้งยังทำให้ “เดอะ สเปเชียล วัน” กลายเป็นกุนซือคนแรกที่คว้าแชมป์ยุโรปได้ทั้ง 3 รายการ นับตั้งแต่ ฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก และ คอนเฟอเรนซ์ลีก ทั้งยังสร้างสถิติไร้พ่าย ยามพาทีมเข้าไปเล่นนัดชิงในรายการระดับทวีป ตลอด 5 ครั้งในอาชีพผู้จัดการทีม
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ กุนซือชาวโปรตุกีส ต้องผ่านอะไรมามากมาย หลังต้องผชิญกับเสี่ยงวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวทางการทำทีมที่ดูตกยุคไปแล้ว ทั้งตามฟุตบอลสมัยใหม่ไม่ทันบ้าง จนหลาย ๆ คนคิดว่าไม่น่าจะได้เห็นชายคนนี้ชูถ้วยแชมป์รายการไหนได้อีกแล้ว
เฮดโค้ชหัวโบราณ?
นี่คือแชมป์เมเจอร์รายการที่ 26 ของ “มูรินโญ่” ซึ่งเป็นเวลากว่า 19 ปีแล้ว นับตั้งแต่เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังพา “ปอร์โต้” คว้าแชมป์ “ยูฟ่า คัพ” ได้ในปี 2003 ซึ่งถือเป็นแชมป์ยุโรปสมัยแรกของกุนซือรายนี้อีกด้วย
ผู้จัดการทีมรายนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายคนใหม่ของ “โรม่า” ช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยภารกิจสร้างทีมขึ้นมาใหม่ หลังจากทีมทำผลงานได้น่าผิดหวังจนจบอันดับที่ 7 ใน “เซเรียอา” ฤดูกาล 2022-2021 ในยุคที่ “เปาโล ฟอนเซก้า” ยังคง คุมทัพอยู่
ในตอนนั้นไม่มีใครปฏิเสธถึงความยอดเยี่ยมที่ กุนซือชาวโปรตุกีส เคยจากรึกไว้ในวงการลูกหนัง ทั้งกับ ปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด หรือแม้แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทว่าหากนับตั้งแต่พาทัพ “ปีศาจแดง” ไปคว้าแชมป์ “ยูโรป้า ลีก” .นปี 2018 น้ามู ก็ไม่เคยคว้าแชมป์ไหนได้อีกเลย ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขามีปัญหากับทางต้นสังกัดจนต้องทำให้โดนปลดใน 2 ทีมล่าสุด ทั้งกับ “แมนฯ ยูไนเต็ด” และ “ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์” ที่เข้ามาทำหน้าที่ได้ปีกว่าเท่านั้น
รวมไปถึงสไตล์การทำทีมที่เน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก ก็ทำให้ชื่อเสียงของกุนซือรายนี้ต้องติดลบหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เขาไม่สามารถคว้าถ้วยรางวัลใด ๆ กลับมาได้เลย
รอบชิงสไตล์รุ่นเก๋า
ถึงแม้ว่าในช่วงแรก “โรม่า” จะทำผลงานออกมาได้ดีจนติดท็อปโฟร์ แต่เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ผลงานของทีมก็เริ่มหลุดล่วงลงมาจากอันดับ 4 ยาวมา และยิ่งเล่นไปเท่าไหร่ โอกาสในคว้าตั๋วไปชิง “แชมเปี้ยนส์ลีก” ก็ยิ่งห่างใกลจากพวกเขาไปเรื่อย ๆ จนเกือบพลาดโควต้าไปเล่นบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า แต่ก็ในช่วงโค้งสุดท้ายพวกเขาก็ถีบตัวเองจนขึ้นมารั้งอันดับที่ 6 ไว้ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เส้นทางในยุโรปอย่าง “คอนเฟอเรนซ์ลีก” ก็ดูดีกว่าผลงานใน “เซเรียอา” อย่างชัดเจน เมื่อ “มูรินโญ่” พา “หมาป่ากรุงโรม” พาทีมลุยฝ่ามาตั้งแต่รอบเพลย์ออฟ , รอบแบ่งกลุ่ม และลากยาวไปจนถึงรอบน็อคเอาท์
ถึงแม้ว่าฟอร์มจะดรอปลงไปพอสมควร หลังพ่ายให้กับทีมที่เพิ่งได้เล่นรายยุโรปเป็นครั้งแรกในปีนี้อย่าง “โบโด กลิมท์” ซึ่งถือว่าเป็นทีมเดียวที่สามารถคว้าชัยมากจาก “โรม่า” ได้ในรายนี้ ทั้งในรอยบแบ่งกลุ่มด้วยการถล่มยับถึง 6-1 รวมไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ทำคะแนนไปก่อนใน เลกแรก 2-1 แต่สุดท้ายทีมของ “มูรินโญ่” ก็สามารถเอาคืนสโมสรจากนอร์เวย์ได้ในคราวเดียว ด้วยสกอร์ 4-0 ผ่านเข้ารอบไปด้วยสกอร์รวม 5-2
เมื่อฝ่าเข้ามาเล่นรอบชิงชนะเลิศได้ “จัลโลรอสซี่” ที่มีรูปแบบเกมเป็นรอง “เฟเยนูร์ด” อยู่บ่อยครั้ง แต่กลับได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก “นิโคโล่ ซานิโอโล่” ก่อนจะจบสกอร์คว้าแชมป์ไปครอง
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจอะไร หากย้อนไปดูนัดชิงในฟุตบอลยุโรปที่ “มูรินโญ่” พาทีมผ่านเข้ามาได้ในช่วง 3 ครั้งหลังสุด ที่เอาชัวไว้ก่อน ถึงรูปแบบทีมจะไม่หวือหวาเท่าทีมอื่น ๆ แต่แฟนบอลก็มั่นใจได้เลยหลังจบ 90 นาที นั้นจะได้ถ้วยแชมป์มาชูแน่นอน
และในปีนี้ “น้ามู” ก็กลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่น้อยกว่าฝั่งตรงข้ามเสมอในรอบชิงชนะเลิศ หรือโอกาสยิงรวมที่น้อยกว่าทุกรอบแต่ก็กลับเป็นฝ่ายที่สามารถจบสกอร์ได้ ทำให้ยอดกุนซือวัย 59 ปี รายนี้ยังมีสถิติที่สุดยอดคว้าชัย 100% ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ถ้วยยุโรปแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก
ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @UFA88SV1