บทความฟุตบอล เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานตลอดการของ
ของสโมสร “แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด”
บทความฟุตบอล เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตนายใหญ่ที่ได้รับฉายาว่าผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัตศาตร์ของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” และยังเป็นผู้ที่เข้าคุมทีมนานที่สุดอีกด้วย แถมเจ้าตัวนำทัพ “ปีศาจแดง” คว้าแชมป์ในรายการแข่งขันฟุตบอลต่าง ๆ ได้สูงที่สุดเท่าที่เคยมีผู้จัดการทีมมา
ประวัติ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ซึ่งในปัจจุบันนี้เจ้าตัวอยู่ในช่วงวัย 79 ปีแล้ว (เกิดปี 1941) เขาเกิด และเติบโตที่เมืองกลาสโกลว์ ในประเทศสกอตแลนด์ ก่อนเดินในเส้นทางของฟุตบอล
ในช่วงที่เขายังเป็นนักเตะเคยได้ลงเล่นกับสโมสรมากมาย อาทิเช่น Queens Park Rangers , St Johnstone F.C. , Dunfermline Athletic F.C. , Glasgow Rangers , Falkirk และ Ayr United
แต่นั่นยังไม่ใช่ช่วงชีวิตที่พีคที่สุดของเขา เพราะหลังจากที่เจ้าตัวได้อำลาวงการลูกหนังในฐานะผู้เล่น และได้หวนกลับมาอีกครั้งในตำแหน่งโค้ชตัวแทน โดยเริ่มจากการเป็นผู้จัดการทีม East Stirlingshire F.C. , St Mirren F.C. และทีม Aberdeen F.C.
ซึ่งการเข้าไปคุมทัพ “Aberdeen F.C.” ทำให้เจ้าตัวได้ขึ้นชือว่ากุนซือระดับแนวหน้าของวงการ ด้วยการพาทีมขึ้นแซงสองสโมสรจากเมืองกลาสโกว์ และคว้าแชมป์มาได้สำเร็จในประเทศสกอตแลนด์ และยังได้ตำแหน่งแชมป์ลีกถึง 3 สมัย , สก็อตติชคัพ 4 สมัย , ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ อีกอย่างละ 1 สมัย
ในปี 1986 หลังจากที่ “รอน แอตกินสัน” ได้อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีม “แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด” เพียงไม่นาน “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ก็รับไม้ต่อในทันที
จุดเริ่มของเขานั้นทำได้ไม่ดีอย่างที่คิด ใครจะเชื่อว่าตำนานรายนี้จะทำให้เหล่าบรรดาแฟนบอลต่างต้องส่งเสียงโห่ไล่มาแล้วในสมัยนั้น นั่นก็เพราะว่าเจ้าตัวไม่สามารถพาทีมหนีจากตำแหน่งท้ายตารางได้ในการแข่งขัน ดิวิชั่น 1 จนทำให้ต้องเล่นหนีตายการตกชั้นมาโดยตลอด และจบอันดับที่ 11 ในที่สุด
จุดเริ่มต้นของเขานั้น ไม่ดีเท่าไหร่นัก ทำให้แฟนคลับค่อนข้างหมดศรัทธา ในตัวโค้ชคนนี้ เพราะพาทีมรั้งท้าย ในตาราง Division 1 จนทำให้ต้องล้มลุกคลุกคลาน หนีอันดับท้าย มาจบที่อันดับ 11
เขาถูกมองว่ามือยังไม่ถึงพอที่จะเข้ามาทำหน้าที่นี้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้กุนซือนายนี้ต้องย่อท้อ และในฤดุกาลถัดมาก็ไม่รอช้าที่โชว์ให้ทั้งโลกได้เห็นว่าเขาผลักดันทีมไปได้ใกลแค่ไหน และในที่สุดก็สามารถคว้าอันดับ 2 มาไว้ครอบครอง เป็นรองแค่ “ลิเวอร์พูล” เพียงทีมเดียวเท่านั้น นั่นก็ทำให้ทุกฝ่ายต่างคาดหวังว่า “เฟอร์กูสัน” จะสามารถพาทีมไปได้ใกลกว่านี้
คลื่นลูกใหม่ภายใต้การนำทัพของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ในศึก “เอฟเอคัพ” นายใหญ่รายนี้ได้นำทัพ “ปีศาจแดง” คว้าชัยเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ โดนการยงประตูโทนหวิดชนะ “คริสตัล พาเรซ” หลังจากนั้นไม่นานก็พาทีมเดินสายทั้ง ยูฟ่า ยูโรปาลีก , อีเอฟแอลคัพ
แต่รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ที่เราไม่กล่าวถึงไม่ได้นั่นก็คือถ้วยจากการแข่งขัน “ลีกคัพ” ที่รอคอยกันมากว่า 26 ปี เนื่องจากในช่วงนั้นทีมฟอร์มยักษ์อย่าง “ลิเวอร์พูล” ได้ครองถ้วนนี้มาโดยตลอด แต่ตำนานไร้พ่ายก็จบไปเมื่อทัพ “ปีศาจแดง” ได้เข้ามาแย่งบัลลังก์แชมป์ไปได้สำเร็จ
หลังจากนั้นไม่นานฟอร์มการเล่นของทีมก็มีขึ้นมีลงบ้างตามสถานการณ์ แต่ที่สำคัญในฤดูกาลที่ 1993 , 1995 , 1997 ทัพ “ปีศาจแดง” ได้ฉายฟอร์มอันดุดันจนสามารถก้าวขาม “ลิเวอร์พูล” ไปได้อีกครั้งในเวลานั่น และผลงานที่ทำให้แฟนบอลว้าวที่สุดก็คือในช่วงปี 1998 เมื่อในยุคนั้นยังไม่มีใครสามารถคว้าแชมป์ 3 ถ้วยรวดมาก่อนทั้ง พรีเมียร์ลีก , เอฟเอคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ได้ตัดสินใจส่งผู้เล่นตำสอรองอย่าง “เท็ดดี้ เชอริงแฮม” และ “โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์” ลงสนามแข่งในศึก “บาร์เซโลนา”
หลังจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในครั้งที่ผ่าน ๆ มา ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอีกไม่นาน “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” คงจะลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกันเขายังคงพยายามผลักดันทีมให้คว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงในยุคของ “เวย์น รูนีย์” และ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” เข้ามายกระดับทีมให้ได้เจอความสำเร็จขั้นสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน นับว่าเป็นยุคทองของ “แมนฯ ยุไนเต็ด” เลยทีเดียว
ยิ่งภายหลัง ที่ได้นำ แอนเดอร์สัน , หลุยส์ นานี่ และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ มาฟอร์มทีมร่วมกัน นับว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้น ทั้งยังนำพาความสำเร็จอันมากมายมาแต่ทีมอีกด้วย
จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2012 ก็ได้มีข่าวช็อควงการลูกหนังเมื่อ “เซอร์ อเล็กซ์” วางมือจากตำแหน่งกุนซือทัพ “ปีศาจแดง” และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบอร์ดบริหาร คู่ตำแหน่งทูตประจำสโมสรทีมเดิมแทน
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก
ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @UFA88SV1