บทความฟุตบอล | 10 อันดับ ผู้จัดการทีม แห่งวงการลูกหนังที่ค่าตัวแพงที่สุด

บทความฟุตบอล | 10 อันดับ ผู้จัดการทีม ที่ค่าตัวแพงที่สุดในแวดวงลูกหนัก โดยสาเหตุที่เราจัดอันดับในครั้งนี้ขึ้นมาก็เพราะเราได้ข่าวลือจากการที่ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง “นิวคาวเซ” มีแนวโน้มที่จะดึงตัว “เบรนแดน ร็อดเจอร์ส” ผู้จัดการทีม “เลสเตอร์ ซิตี้” เข้ามาคุมทีม ด้วยทุ่มทุนพร้อมจ่ายค่าฉีกสัญญาเก่าสูงถึง 14 ล้านปอนด์ ซึ่งกุนซือรายนี้มีค่าตัวที่แพงเป็นอันดับต้น ๆ ไปโดยปริยาย แต่นอกเหนือจาก “เบรนแดน” แล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่าผู้จัดการทีมที่มีค่าตัวแพงจะมีใครบ้าง เราจะพาคุณย้อนไปดู 10 อันดับผู้จัดการที่แพงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการฟุตบอล

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ | บาเยิร์น มิวนิค – 21.7 ล้านปอนด์

ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา “บารเยิร์น มิวนิค” มีกระแสเป็นที่ฮือฮากันอย่างมาก ด้วยการทุ่มเงินกว่า 21 ล้านปอนด์ให้ “นาเกลส์ มันน์” ย้ายมาคุมทีม “เสือใต้” เข้ามาแทนที่ “ฮันซี่ ฟลิค” ซึ่งสัญญาฉบับนี้ต้องบอกเลยว่าสโมสรเก่าของ “นาเกลส์มันน์” ได้ประโยชน์จากการฉีกสัญญาฉบับนี้ไปเต็ม ๆ กุนซือรายนี้ถือว่าเป็นโค้ชคนหนึ่งที่ยอมเยี่ยมที่สุดในวงการฟุบอลยุคนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่เขาได้เริ่มต้นอาชีพโค้ชกับ “ฮอฟเฟ้นไฮม์” ในปี 2015 ช่วงนั้นเขาอายุได้เพียง 28 ปี “ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์” ในช่วงก่อนหน้านี้ต้องการที่จะนำเขาเข้าร่วทีมให้ได้ แต่ก็ต้องโดน “บาเยิร์น มิวนิค” ได้ตัวไปเสียก่อน แม้ว่านั่นจะเป็นการทุ่มทุนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับโค้ชคนนึง แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากตอนนี้ทีมแห่งบาวาเรียยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ “บุนเดสลีก้า” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อังเดร วิลลาส โบอาส | เชลซี – 13 ล้านปอนด์

อังเดร วิลลาส โบอาส ผู้ที่เดินตามรอยเท้ากุนซือรุ่นพี่อย่าง “โซเซ่ มูรินโญ่” เขาถือว่าเป็นโค้ชอีกหนึ่งรายที่มีพัฒนาการก้าวกระโดดด้วยการย้ายจาก “ปอร์โต้” ไปยัง “เชลซี” ในปี 2011 หลังจากที่ทำให้ทีมเก่าประสบความสำเร็จที่บ้านเกิดของเขาอย่าง “โปรตุเกส” วิลลาส ถือว่าเป็นผุ้จัดการทีมอีกรายที่เคยได้กลับไปเยือน “สิงห์บลู” ถึง 2 ครั้ง แต่ทว่าผลงานของเขากลับไม่สามารถไปถึงจุดที่ “มูรินโญ่” เลยแม้แต่น้อย หลังจากผลงานอันล้มเหลวในการแข่งขัน “แชมป์เปี้ยน ลีก” เขาก็ถูกไล่ออกหลังใช้เวลาเพียง 8 เดือนในลอนดอน แต่ดูเหมือนว่านี่แหล่ะจะเป็นสิ่งที่วัดความสำเร็จในการคุมทีมของเขาในวันเวลาข้างหน้า หลังจากนั้น “วิลลาส” ได้มีโอกาสเข้าคุมทีม อตแน่ม ฮอตสเปอร์, เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี และมาร์กเซยโดยที่ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เช่นกัน แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ได้รับการเชื่อมโยงกับงานที่นิวคาสเซิลที่เพิ่งโดนเทคโอเว่อร์ไปเมื่อต้นเดือนนี้

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส | เลสเตอร์ – 9.1 ล้านปอนด์

เหตุผลที่ “นิวคาสเซิล มิวนิค” ทุ่มเงินดึงตัวผู้จัดการทีมอย่าง “แบรนแดน ร็อดเจอร์สในราคาที่สูง 14 ล้านปอนด์ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไหร่ นั่นก็เพราะว่าในช่วงที่ถูก “เลสเตอร์ ซิตี้” ดึงตัวเข้ามาคุมทีมก็ทุ่มทุนไปแล้วกว่า 9 ล้านปอนด์ สำหรับอดีตผู้จัดการทีมจาก “เชลซี ” รายนี้ ได้ถูก “จิ้งจอกสยาม” คว้าตัวมาเมื่อปี 2019 หลังจากที่คุมบังเหียน “ม้าลายเขียว-ขาว” จนได้แชมป์ “สก็อตติช เพรีเมียร์ ลีก” สองสมัย ในช่วงเขาได้ดำรงตำแหน่งในสก็อตแลนด์ “ร็อดเจอร์ส” ได้เคยช่วยชีวิตทีมที่กำลังตกต่ำจากการคุมทีมของ “โคลด ปู แอล” ผู้จัดการทีมก่อนหน้า ในครั้งนั้นเขายังพาทีมคว้าแชมป์ “เอฟเอ คัพ” เป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอีกด้วย เลสเตอร์ไม่ใช่ทีมแรกที่จ่ายเงินก้อนโตสำหรับร็อดเจอร์ส โดยสโมสรเก่าของเขาอย่างลิเวอร์พูลก็เคยใช้เงิน 5 ล้านปอนด์เพื่อพาเขามาจากสวอนซีสู่แอนฟิลด์ในปี 2012

รูเบน อโมริม | สปอร์ติ้ง ลิสบอน – 8.6 ล้านปอนด์

รูเบน อโมริม กุนซือหลักประจำทีม “สปอร์ติ้ง ลิสบอน” ทีมชั้นแนวหน้าชาติโปรตุเกสอย่าง “สปอร์ติ้ง ลิสบอน” จ่ายค่าตัวเขาสูงถึง 8.6 ล้านปอนด์ ในช่วงเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา “สเปอร์ติ้ง” พร้อมที่จะจ่ายอย่างยิ่งเพิ่อที่จะได้กุนซือรายนี้เข้ามาคุมทีม ถึงแม้ว่าเขาจะเคยคุมทีมในการแข่งขันระดับสูงมาก่อน แต่ก็คุมทีมได้เพียง 13 ครั้งเท่านั้น ก่อนที่จะได้เจอกับข้อเสนอก้อนโตจาก “สปอร์ติ้ง ลิสบอน” ก่อนหน้านี้ “รูเบน” เคยได้รับงานใหญ่อย่าง “บราก้า” ในปี 2019 และนั่นก็ทำให้เขามีผลงานที่น่าประทับใจอย่างมากเป็นเวลาสั้น ๆ ในการคุมทีม

โชเซ่ มูรินโญ่ | เรอัล มาดริด – 7 ล้านปอนด์

หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 “สิงห์บลู” เคยยื่นข้อเสนอให้ “มูรินโญ่” เข้าคุมทีมสูงถึง 5 ล้านปอนด์ ณ ช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ “เรอัล มาดริด” เคยเข้ามาทาบทามให้เขาสมทบทีมช่วงที่กุนซือรายนี้ยังคุม “อินเตอร์ มิลาน” ตอนนั้นผลงานของเขาเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เพราะสามารถพา “อินเตอร์” คว้าแชมป์ “สคูเด็ตโต้” ได้ถึง 2 สมัย และได้แชมป์ “แชมป์เปี้ยนส์ ลีก” อีก 1 สัมย ระหว่างสองปีที่อยู่ในอิตาลี่ และนั่นก็ทำให้ทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีก “ลา ลีก้า” มาดึงตัวไปทำงานด้วย และภายในระยะเวลาไม่นานนัก “ราชันชุดขาว” ได้ยื่นข้อเสนอสูงถึง 7 ล้านปอนด์ ให้มาคุมทัพ การที่ “เรอัล มาดริด” เสนอค่าตัวให้สูงเพียงนี้นั่นก็เพราะว่าในช่วงเวลานั้น “มูรินโญ่” ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของวงการลูกหนังเลยก็ว่าได้ (10 ปีที่แล้ว)

โรนัลด์ คูมัน | เอฟเวอร์ตัน – 5 ล้านปอนด์

เอฟเวอร์ตันเคยต้องควักเงินจำนานกว่า 5 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัว “โรนัลด์ คูมัน” จาก “เซาธ์แฮมป์ตัน” เมื่อปี 2016 หลังจากที่ได้เซ็นสัญญา 3 ปี ที่ “กูดิสัน ปาร์ค” เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้งบประมาณเยอะที่สุดของประวัติศาตร์สโมสรแห่ง “เมอร์ซีย์ไซด์” แต่ครั้งนั้น “คูมัน” กลับทำผลงานในทัพทอฟฟี่ได้ย่ำแย่ที่สุด และทำให้ “เอฟเวอร์ตัน” ดิ่งลงสู่พวกท้ายตารางใน “พรีเมียร์ ลีก” เขาเคยใช้เวลาสองปีในการควบคุมทีมชาติ “เนเธอร์แลนด์” ก่อนที่จะเชื่อมโยงกับสโมสรเก่าของเขาอย่าง “บาร์เซโลน่า” เมื่อปีที่แล้ว คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเขาจะอยู่ที่คัมป์ นู อีกนานแค่ไหนท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นหลังจากออกสตาร์ทฤดูกาลลา ลีก้า ได้ไม่ดีนัก

เมาริซิโอ ซาร์รี่ | เชลซี – 5 ล้านปอนด์

นี่ก็คือเป็นโค้ชอีกหนึ่งคนที่สโมสรยักษ์ใหญ่ “เชลซี” ทุ่มเงินเพื่อให้มาประจำตำแหน่งกุนซือ และเขาก็ได้รับใช้ “สิงห์บลู” เป็นระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หากย้อนไปในอดีต “ซาร์รี่” ได้เคยย้ายมาสู่ถิ่น “แสตมฟอร์ด บริดจ์” จาก “นาโปลี” โดยที่เจ้า “สิงห์บลู” ของเรายอมควักทุนกว่า 5 ล้านปอนด์ ในปี 2018 เพื่อให้ได้เขามาทำงานให้กับสโมสร ซึ่งสัญญา 3 ปีก็เป็นอันดับตกลง และขึ้นที่นั่งแม่ทัพแทนที่กุนซือชาวอิตาลี่อย่าง “อันโตนิโอ ดอนเต้” กุนซือรุ่นเดอะที่ได้สร้างชื่อเสียงในวงการฟุตบอลไว้มากมาย ด้วยสไตล์ฟุตบอลสวยงาม ในช่วงที่อยู่กัลโซ่ เซเรีย อา แต่เขาก็ชื่อเสียงที่ไม่ดีกับแฟน ๆ ฟุตบอลของ “เชลซี” ตลอดหนึ่งปีที่เขาคุมทีมในลอนดอน

มาร์ค ฮิวจ์ส | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – 5 ล้านปอนด์

ณ ตอน 10 กว่าปีที่แล้ว ช่วงที่ “ซีค มันซูร์” ได้เทคโอเวอร์สโมสร “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” สโมสรยักษ์ใหญ่รายนี้ได้ทุ่มเงินให้กับ “แบล็ค เบิร์น” สูงถึ 5 ล้านปอนด์ เพื่อให้ได้ตัว “มาร์ค ฮิวจ์ส” มาคุมทีม เขาคืออดีตนักเตะจากสโมสร “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” และเคยเป็นที่คาดหวังว่าจะทีมคว้าแชมป์ในลีกได้ นั่นก็ทำให้ตอนนั้นได้รับงบประมานมหาศาลเพือแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานอันสูงส่งของ “แมนซิตี้” แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้ทำงานรับใช้ “แมนซิตี้” เป็นเวลา 18 เดือนเท่านั้นก่อนจะถูกไล่ออก และได้ผู้นำทัพคนใหม่อย่าง “โรแบร์โต้ มันวินี่” เข้ามาแทน และนำทัพเรือขึ้นสู่ก้าวที่สูงกว่า

แฟรงค์ แลมพาร์ด | เชลซี – 4 ล้านปอนด์

ถ้าพูดถึงชื่อ “แฟรงค์ แลมพาร์ด” ทุกคนจะรู้ดีเลยว่านี่คือผู้ที่เคยได้เป็นตำนานของ “เชลซี” ตำนานผู้นี้ได้หวนคืนสู่ถิ่น “สแตมฟอร์ด บริดจ์” อีกครั้ง ไม่ใช่ในถานะผู้เล่น แต่ครั้งนี้เขามาในถานะของกุนซือรายใหม่ โดยเจ้าของทีมอย่าง “โรมัน อับราโมวิช” ได้ทุ่มเงินกว่า 4 ล้านปอนด์สำหรับมิดฟิลด์รายนี้ “แลมพาร์ด” ได้เข้าคุมทีมพวกแค่ 1 ฤดูก่อนที่จะข้นมาเป็นผู้จัดการทีม “เชลซี” อย่างเต็มตัว แม้ว่าจะทำให้ดาร์บี้สามารถเข้าสู่รอบชิงแชมป์เพลย์ออฟของ “แชมป์เปี้ยนชิพ ลีก” และนั่นก็ทำให้เลื่อนสู่ชั้นของ “พรีเมียร์ ลีก” ได้สำเร็จ หลังจากผลงานที่ประสำเร็จในปีแรก แต่ในช่วงฤดูการที่สองผลงานกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง นั่นทำให้เขาถูกไล่ออกเมื่อต้นปี “โธมัส ทูเคิล” ได้เข้ามาทำหน้าที่แทน และได้เข้ามาแก้ปัญหาที่ “แลมพาร์ด” ทิ้งไว้ สู่ความสำเร็จจนสามารถคว้าแชมป์ “ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก” ได้ในที่สุด

มาร์โก้ ซิลวา | เอฟเวอร์ตัน – 4 ล้านปอนด์

ในตอนที่ “มาร์โก้ ซิลวา” ย้ายจาก “วัดฟอร์ด” ไป “เอฟเวอร์ตัน” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมหาาพย์ที่กินเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ “พรีเมียร์ ลีก” โดยมีรายงานกจากทัพแตนถึงเรื่องที่ “เอฟเวอร์ตัน” ติดต่อลับ ๆ กับ “ซิลวา” ซึ่งมันผิดกฏหมาย นั่นก็ทำให้เขาได้รับจุดจบในทันที พร้อมกับทิ้งสถิติที่เลวร้ายไว้กับทีม ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีสังกัด “ทัพทอฟฟี่” ยื่นมือมาแต่งตั้งให้เข้าเป็นผู้จัดการทีม และ “เอฟเวอร์ตัน” ก็ตกลงทุ่มเงินให้กับ “วัตฟอร์ด” กว่า 4 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าตอบแทน ไม่นานก็เกิดเรื่องที่น่าเสียดายอีกครั้งเนื่องจากเขาทำผลงานไม่ดีเท่าที่ควร และถูกไล่ออกไปในที่สุด

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก 

ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @GURUCAFEV2