บทความฟุตบอล | เนย์มาร์ บทเรียนชีวิต อยากที่จะกลับใจ

บทความฟุตบอล | เนย์มาร์ บทเรียนชีวิต อยากที่จะกลับใจ

บทความฟุตบอล | เนย์มาร์ ทั้งประเทศรู้จักในฐานะ ความหวังใหม่ ของชาติ คนที่เกิดมาเพื่อจะลบล้างคำสาป มาราคานาโซ

บทความฟุตบอล | เนย์มาร์ เป็นชื่อที่ชาวบราซิลทั้งประเทศรู้จักในฐานะ ‘ความหวังใหม่’ ของชาติ คนที่เกิดมาเพื่อจะลบล้างคำสาป ‘มาราคานาโซ’ ตั้งแต่วัยรุ่น เนย์มาร์จึงต้องแบกรับความคาดหวังอันกลายเป็นความกดดันที่หนักอึ้งในตัวมายาวนาน

ในสนามเนย์มาร์เป็นที่รักของแฟนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมประวัติศาสตร์เมื่อปี 2017 ที่เขาช่วยให้บาร์เซโลนาพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเอาชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง 6-1 ในเกมยูเอฟ่าแชมเปี้ยนส์​ลีก จนผ่านเข้ารอบได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่หลังจากนั้นเองที่ปัญหาเริ่มเกิด เมื่อเขามีความคิดบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป

ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อนำไปสู่การย้ายทีมที่สะเทือนโลกฟุตบอลอย่างรุนแรงที่สุด และผลกระทบของมันยังคงอยู่ในทุกวันนี้ เมื่อเนย์มาร์หักด้ามพร้าด้วยเข่าย้ายจากบาร์เซโลนาไปอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยการฉีกสัญญาที่มีมูลค่าสูงถึง 222 ล้านยูโร เนย์มาร์​รู้แล้วว่าการย้ายมาเปแอสเชเป็น ‘ความผิดพลาด’ และเขาต้องการที่จะกลับมาอยู่ในร่องในรอยให้ได้อีกครั้ง ก่อนที่จะสายเกินไป

ถึงจะพยายามทำตัวไม่ให้ตื่นเต้นนัก แต่หัวใจก็แอบเต้นระรัวไม่ได้เมื่อระยะห่างระหว่างผมกับเขามีเพียงแค่รั้วเหล็กกั้นกลาง

หากผมกล้าที่จะเอื้อมมือสักนิด ผมจะสามารถสัมผัสไหล่ของซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวบราซิลที่นั่งหลบมุมระหว่างที่รอเพื่อนร่วมทีมอย่าง อาเดรียโน กอร์เรอา และอเล็กซิส ซานเชซ เล่นสนุกไปกับเกมจำลองสถานการณ์ฟุตบอล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเปิดตัวรองเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่ของแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่จากอเมริกา

วันและเวลาล่วงมา 6 ปีแล้วครับจากวันนั้น แต่ผมยังจำแววตาที่ใสซื่อของเนย์มาร์ในวัย 21 ปี ที่เพิ่งจะย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลนาได้เป็นอย่างดี สถานะอาจเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่แววตาเขาเหมือนเด็ก เด็กที่ชอบเก็บตัวเล็กๆ มีความแอบเอาแต่ใจแต่ไม่ถึงกับมากเกินไป แต่พอสัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนที่น่าจะมีความน่ารักและนิสัยดีคนหนึ่ง รวมถึงเป็นคนที่มีพลังดึงดูด มีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด

น่าจะเป็นเพราะว่าเขาคือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นดาวจรัสแสงที่จะปรากฏตัวที่ใดก็สว่างไสว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ชื่อของเขาเป็นชื่อที่ชาวบราซิลทั้งประเทศรู้จักในฐานะ ‘ความหวังใหม่’ ของชาติ คนที่เกิดมาเพื่อจะลบล้างคำสาป มาราคานาโซ คำสาปจากอัลซิเดส จิ๊กเกีย กองกลางทีมชาติอุรุกวัย ที่ทำลายงานปาร์ตี้ของคนบราซิลทุกคนด้วยการทำประตูชัยให้ทีมอัลบิเชเลสเต ล้มลา เซเลเซา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่สนามมาราคานาเมื่อปี 1950

ไม่ใช่โรบินโญ แต่เป็นเนย์มาร์ที่ถูกกำหนดมาเพื่อให้นำบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกบนแผ่นดินเกิดของตัวเองในปี 2014 ให้ได้ตั้งแต่วัยรุ่น เนย์มาร์จึงต้องแบกรับความคาดหวังอันกลายเป็นความกดดันที่หนักอึ้งในตัวมายาวนานโดยคนที่เจ้ากี้เจ้าการดูแลทุกเรื่องก็คือพ่อของเขา เนย์มาร์ ซีเนียร์ ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่ามันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในเวลาต่อมา

ปัญหาที่ปัจจุบันมีการวิเคราะห์กันว่าเนย์มาร์เป็น เด็กที่ไม่รู้จักโต หรือในความเป็นจริงแล้วคือ เด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้โต ย้อนกลับไปในปี 2013 ก่อนหน้าจะมาเยือนไทย เนย์มาร์เพิ่งจะบรรลุข้อตกลงในการย้ายมาร่วมเล่นให้กับบาร์เซโลนาได้ไม่นาน ซึ่งการย้ายมาคัมป์นูนั้นเป็นการตัดสินใจร่วมกันของหลายฝ่าย (ซึ่งในการย้ายทีมเองก็มีปัญหามากมาย เป็นหนึ่งในการเจรจาที่อื้อฉาวมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังสมัยใหม่)

ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับเขาครับ โดยเฉพาะการได้เล่นร่วมกับรุ่นพี่อย่างลิโอเนล เมสซี และหลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นแบบอย่างของนักฟุตบอลอาชีพที่ดี ถึงจะมีเรื่องนอกสนามกวนใจบ้าง แต่ในสนามแล้วเนย์มาร์เป็นที่รักของแฟนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมประวัติศาสตร์เมื่อปี 2017 ที่เขาช่วยให้บาร์เซโลนาพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเอาชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง 6-1 ในเกมยูเอฟ่าแชมเปี้ยนส์​ลีก จนผ่านเข้ารอบได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่หลังจากนั้นเองที่ปัญหาเริ่มเกิด เมื่อเขามีความคิดบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป จากบันทึกเรื่องเล่าของเหล่านักเขียนที่อยู่วงใน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเนย์มาร์เริ่มแข็งข้อไม่ยอมรับฟังคำสั่ง คำสอน คำตักเตือนจากพ่อ และนั่นนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

อย่างแรก เขาต้องการจะหนีจากพ่อ อยากจะให้ทุกคนได้จดจำเขาในฐานะ ‘เนย์มาร์’ โดยไม่ต้องมีคำว่าจูเนียร์ต่อท้ายอีก อย่างที่สองคือ แม้จะมีความสุขกับการได้เล่นเคียงข้างเมสซี รวมถึงหลุยส์ ซัวเรซ ในฐานะสามประสานที่อันตรายที่สุดในโลก MSN แต่เนย์มาร์รู้สึกว่าเขาไม่สามารถจะทนอยู่ใต้เงาของเมสซีได้อีกต่อไป หากเขาต้องการจะก้าวไปสู่การเป็นนักเตะอันดับหนึ่งของโลก สถานะที่เขาและผู้คนอีกมากมายเชื่อว่าคือสิ่งที่คู่ควรกับพรสวรรค์ของเขา

เรื่องนี้ส่วนตัวผมว่าเข้าใจได้ มันเป็นความทะเยอทะยานที่จำเป็นสำหรับนักฟุตบอลในระดับนี้และอย่างสุดท้ายคือเขาอยากดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง รวมถึงทีมงานบริวารทั้งหลาย

นั่นนำไปสู่การย้ายทีมที่สะเทือนโลกฟุตบอลอย่างรุนแรงที่สุด และผลกระทบของมันยังคงอยู่ในทุกวันนี้ครับ เมื่อเนย์มาร์หักด้ามพร้าด้วยเข่า ย้ายจากบาร์เซโลนาไปอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยการฉีกสัญญาที่มีมูลค่าสูงถึง 222 ล้านยูโร

แม้ว่าพ่อของเขาจะพยายามห้ามแล้วก็ตาม แต่ไม่สำเร็จ เนย์มาร์ยืนยันว่าเขาต้องการที่จะไป น่าคิดนะครับว่าหากตัวเขารู้ว่าในอีก 2 ปีต่อมา เขาจะติดกับดักชีวิตตัวเอง และต้องอ้อนวอนใครก็ได้เพื่อช่วยพาเขากลับมาสู่จุดที่เขาควรจะอยู่อีกครั้ง เขาจะยังอยากย้ายทีมอีกไหม

เนย์มาร์​รู้แล้วว่าการย้ายมาเปแอสเชเป็น ‘ความผิดพลาด’ และเขาต้องการที่จะกลับมาอยู่ในร่องในรอยให้ได้อีกครั้ง ก่อนที่จะเสียเกินไป เพราะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป เขาอายุ 27 ปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของการเล่นฟุตบอลที่พร้อมทั้งกำลังกาย ประสบการณ์ และฝีเท้าที่ได้รับการขัดเกลา

เพียงแต่การจะทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ อย่างที่บอกว่าเขาติดกับดักชีวิตตัวเองที่หากจะออกจากปารีสจริงก็ต้องมีค่าไถ่ตัวที่มากมายมหาศาล ซึ่งบนโลกใบนี้อาจจะเหลือเพียงแค่บาร์เซโลนา และเรอัล มาดริด ที่พอจะมีความสามารถจะไถ่ถอนตัวได้

แต่การจะลงทุนมากขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดหนักสำหรับทั้งสองสโมสรที่ใช้งบประมาณมหาศาลในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีเรื่องของการวางตัว ความประพฤติของเนย์มาร์ที่น่าเป็นกังวล ชื่อเสียงของเขากลายเป็น ‘ชื่อเสีย’ ที่ร่ำลือไปทั่ว ไม่ว่าจะในหมู่ของนักฟุตบอล ในหมู่ของสปอนเซอร์ และคนที่เคยได้ร่วมงานด้วย

เนย์มาร์ในวันนี้ไม่ใช่หนุ่มน้อยตาใสแบบที่เขาเคยเป็นในวันวานแล้ว เขาเป็นตัวแสบ เป็นวายร้าย เป็นคนที่ใครก็อยากจะหลีกเลี่ยง แม้กระทั่งแฟนฟุตบอลเองก็ไม่อยากได้ตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นแฟนเปแอสเชเอง หรือแฟนบาร์ซาก็ตาม

ภาพของนักบอลจอมมายาที่พร้อมตบตาทุกคน การกลิ้งหลุนๆ หลายตลบทั้งๆ ที่คู่แข่งแทบไม่โดนตัว กลายเป็นภาพติดตัวไปเสียแล้ว สำหรับเรื่องของเนย์มาร์ไม่ว่าจะจบอย่างไร ผมคิดว่าเป็นบทเรียนที่น่าศึกษาอย่างยิ่งครับ เพราะมิติของเรื่องราวนั้นกว้างและไกลกว่าเรื่องของฟุตบอล

มันคือเรื่องของชีวิต เรื่องของการอบรมเลี้ยงดู บางทีพ่อของเขาก็อาจมีส่วนผิดที่ประคบประหงม เจ้ากี้เจ้าการมากเกินไปจนทำให้เนย์มาร์กลายเป็นเด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้โต บางทีสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ก็อาจมีส่วนผิดที่หล่อหลอมตัวเขาให้กลายเป็นคนแบบนี้ และแน่นอนตัวของเนย์มาร์เองก็มีส่วนผิดที่ทำตัวไม่ดี

สุดท้ายแล้วคนเดียวที่จะทำให้เขากลับมาได้ก็มีเพียงแค่ตัวของเขาเอง ที่หากได้โอกาสอีกครั้งก็ต้องพยายามรักษามันให้จงดี พิสูจน์คุณค่าของตัวเองผ่านการทำผลงานในสนาม ไม่ใช่ผ่านการโพสต์ อินสตาแกรม

ย้อนกลับไปในความทรงจำให้ได้ว่า อะไรคือเหตุผลที่เขาเลือกจะเล่นฟุตบอล

เพราะรัก

หรือเพราะอยากดัง?

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก 

ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @GURUCAFEV2

รับการแจ้งเตือนเนื้อหาใหม่ อัพเดทก่อนใคร ยอมรับ ไม่ละ, ขอบคุณ