บทความฟุตบอล | บาร์เซโลน่า หากกุนซือรายใดจะมาแทนที่ “คูมัน”
ต้องตามเช็ดล้างปัญหาอย่างแน่นอน บอกเลยงานนี้โหดใช่เล่น
บทความฟุตบอล | บาร์เซโลน่า สำหรับช่วงนี้ถือว่าฟอร์มทีมค่อย ๆ กลับมาบ้างแล้ว หลังกุนซือทีมชุดบีอย่าง “เวนกี้ บาร์ฆวน” มาทำหน้าที่แก้ขัดไปก่อน แต่ทว่าผลก็ออกมาไม่ได้ดั่งใจซักเท่าไหร่ เมื่อเสมอกับ อลาเบส
ไม่แปลกเลยว่าหลาย ๆ ฝ่ายจะมองว่า นี่คือจุดตำต่ำที่สุดตั้งสโมสรเคยเป็นมาตลอดหลาย 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเสียขุนศึกตัวสำคัญอย่าง “ลิโอเนล เมสซี่” หรือปัญหาทางด้านการเงินที่ทำให้ไม่สามารถเสริมทัพให้แข่งแกร่งขึ้นมาทัดเทียมกับ 2 สโมสรคู่กัดจากเมืองมาดริดได้ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ยังไม่รวมถึงการหมดโอกาสลุ้นแชมป์ในปีนี้ แถมยังต้องเอาตะเกียดตะกายไปลุ้นเล่นใน “แชมป์เปี้ยนส์ลีก” ในฤดูการหน้าอีกด้วย
ทีนี้ทุกคนคงทราบกันดีแล้วว่า “เจ้าบุญทุ่ม” ของเรา ณ เวลานี้กำลังพบเจอปัญหารุมเร้าเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ไม่ขั้นที่จะไม่สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้เลย ทั้งนี้ทาง Guru Cafe จะวิเคราะห์ถึง 5 ปัญหาที่กุนวือคนใหม่ต้องรีบเข้ามาแก้ไข ให้ทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ไม่ว่ากุนซือคนนั้นจะเป็นใครก็ตามบอกเลยว่างานนี้งานหิน!!
กุนซือต้องยึดมั่นในแนวทางของตน
สำหรับกุนซือทุกคนที่กำลังจะเข้ามาทำหน้าที่ใน “บาร์เซโลน่า” เราเชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้มักจะมีสิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ แนวทางการสร้างสโมสร จะเห็นได้ทั้งจาก “โยฮัน ครัฟฟ์” ที่นำตำแหน่งการเล่นเข้ามาปรับใช้ และได้ยกระดับวิถีฟุตบอลของโสมสรให้มีความสวยงาม และยังคงความน่าเกรงขามไว้ในช่วงยุค 90s
ใครจะเชื่อเมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี หนึ่งในลูกศิษย์ของ “คลัฟฟ์” อย่าง “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” จะขึ้นมาเป็นกุนซือของ “เจ้าบุญทุ่ม” ซึ่งผลงานของเขาค่อนข้างประสบความสำร็จเป็นอย่างมาก ด้วยการทำทีมที่นำศาสตร์วิชาจาก “คลัฟฟ์” เข้ามาปรับใช้ และทำให้วงการฟุตบอลในศวรรษที่ 21 ต้องเปลี่ยนโฉมไปในทันที
ดังนั้น ถ้าคุณไม่สามารถนิยามตัวเองได้มั่นคงชัดเจนว่ามีสไตล์การเล่นแบบไหน ซึ่งมันเป็นตัวบ่งบอกอนาคตได้เลยว่าพวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น “กีเก้ เซเตียน” หรือ “คูมัน” ทีเรามองดูแล้วว่าฟุตบอลของพวกเขาไม่สุดซักทางจนไม่สามารถบอกได้ว่าสโตล์ของเขาเล่นอย่างไรกันแน่
เปิดขอบเขตการเล่นให้กว้างขึ้น
ด้วยสไตล์การคุมทีมที่เล่นอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ แถมยังได้รับแรงกระตุ้นในการแข่งขันที่ “บาร์เซโลน่า” เคยเป็น ทำให้ประธานสโมสรและผู้มีอำนาจในทีมจึงตัดสินใจที่สร้างทีมที่เล่นต่อบอลกันแบบเท้าสู่เท้าเป็นหลัก
เรามองว่า “บาร์ซ่า” ในตอนนี้ ยังต้องการกองกลางอย่า เปดรี้, กาบี, มิราเลม ปานิช, เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์ และ เฟรงกี้ เดอ ยอง ตัวรุกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, เมมฟิส เดปาย, อองตวน กรีซมันน์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ นักเตะเหล่านี้ล้วนชอบเล่นกับบอล และพุ่งทยานไปข้างหน้าะเสมอ ยกเว้นแต่ว่ามีไม่กี่คนที่วิ่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และแทบไม่มีใครวิ่งไปด้านขวาของสนามเลย
อะไรเก่าควรโล๊ะ
ในช่วงเวลาที่พีคที่สุด “เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์” ถูกยกย่องให้เป็นกองกลางตั
วรับที่ดีที่สุดในยุโรป แถมยังเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่โลกของฟุตบอลจะเคยมีมาอีกด้วย
แต่ทว่า “เดอ ยอง” ที่นำเข้ามาแทนที่ “บูสเก็ตส์” กลับแทบไม่มีโอกาสที่จะได้โชว์ฟอร์มเดือดแบบนั้นเลย สิ่งที่ผู้จัดการทีมมักจะทำคือการจับกองกลางชาติสเปน ยืนคู่กับแข้งชาวดัตช์ซะมากกว่า และแน่นอนเลยว่ากุนซือส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะให้นักเตะรุ่นเก๋าหลาย ๆ คนนั่งสำรองเป็นแน่ ในกรณีของ “เคราร์ด ปีเก้” ก็แทบจะไม่ต้องกัน ซึ่งเจ้าตัวฟอร์มไม่ได้หวือเท่าช่วงก่อนแล้ว แต่ “บารเซโลน่า” ก็ยังต้องเลือกเขามาลงสนามด้วยความเกรงใจ?!
ดังนั้นหากกุนซือคนใหม่ของ “บาร์เซโลน่า” จะมาคุมทัพได้แล้ว ยังคงต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างใกล และการตัดสินใจที่เฉียบขาด ดั่งเช่นเมื่อสัมย “กวาร์ดิโอล่า” ที่เคยเททิ้งนักเตะรุ่นเก่าอย่าง “โรนัลดินโญ่” และ “เดโก้” เพื่อให้นักเตะรุ่นใหม่ที่กำลังเฉิดฉายอย่าง “เมสซี่” ได้ขึ้นมาโชว์ฝีเท้า ส่วน “เซร์คิโอ อเกวโร่” ก็อยู่ในบั้นปลายของอาชีพแล้ว ไม่ช้าก็เร็วคงต้องหาคนมาแทนที่
แนวทางการซื้อนักเตะต้องต่างจากเดิม
หากเรามองในระหว่าง 4-5 ปีที่ผ่านมา เรื่องการซื้อนักเตะของ “บาร์เซโลน่า” จะทำให้มีคำถามจากแฟนบอลมากมายเลยว่า เหตุผลที่ซื้อนักเตะแต่ละคนนั้นพวกเขาดูเป็นนักเตะคู่สโมสรจริงหรือ? ไม่ว่าจะเป็น คูตินโญ่, เดอ ยอง, เมมฟิส หรือ กรีซมันน์ มีเพียง กองกลางชาวดัตช์ เท่านั้นที่ทำผลงานได้เข้าตา ณ เวลานี้
เซร์จิโน่ เดสต์ ถูกดึงมาร่วมทีม เมื่อมีตัวเลือกอื่นๆในตลาดนักเตะ ณ เวลานั้น แม้มีชื่อเสียงเพียงไม่มาก เอริค การ์เซีย ย้ายกลับมาร่วมทีมแบบไร้ค่าตัว แต่ผลงานที่แสดงให้เห็นก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าเขาจะกลายเป็นตัวหลักได้เหมือนที่ ปิเก้ เคยทำ
การเสริมทัพก็มีรูปแบบที่ประหลาดทั้ง “มาร์ติน เบรธเวต” หรือ “ลุค เดอ ยอง” กลับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด อาจะใช่นักเตะที่ดีที่สุด แต่เป็นแนวคิดที่แปลกใหม่ในการเติมเต็มจุดบอด เพราะที่ผ่านมา “อาซูลกราน่า” มักจะมองหาแต่นักเตะประเภทเดียวกันกับ “ซาบี” หรือ “อิเนียสต้า” โดยที่ลืมคิดที่จะตามหานักเตะแบบเดียวกับ “ซามูเอล เอโต้”
เตรียมตัวรับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
ในช่วงนี้ “บาร์เซโลน่า” ได้เสียนักเตะที่ยิ่ใหญ่ที่สุดตลอดการของพวกเขาไปแล้ว ก็ทุกคนก็ทราบกันดีว่า “เจ้าบุญทุ่ม” ของเรากำลังประสบปัญหาด้านการเงิน จึงทำให้ไม่มีเงินสูงถึง 500 ล้านปอนด์เพื่อเคว้นหานักเตะที่มีคุณภาพเทียบเท่า “ลีโอเนล เมสซี่” แต่เราก็เข้าใจได้ว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำเลยในอดีต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับสโมสรใหญ่ระดับทวีปเช่นนี้
กุนซือคนต่อไปของ “บาร์เซโลน่า” คงต้องรับแรงกระแทงอย่างใหญ่หลวงแน่ เพราะคงต้องค้านเสียงของแฟนบอล และผลงานการแข่งขันที่ไม่น่าพิศมัยในการจัดการระยะยาวเป็นแน่ ซึ่งมันก็คือสิ่งที่กุนซือของ “อาร์เซน่อล” อย่าง “มิเกล อาร์เตต้า” กำลังเผชิญอยู่ หรือ “เจอร์เก้น คล็อปป์” ก็ใช้เวลากว่า 4 ปีถึงคว้าแชมป์ใบแรกกับ “ลิเวอร์พูล” ได้ หรือแม้แต่ “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” ที่อาจคว้าแชมป์กับ “สเปอร์ส” ไม่ได้เลย แต่ก็ได้รับเวลาในการเปลี่ยน “ไก่เดือยทอง” กลายเป็นทีมท็อปซิกซ์เต็มตัว
ถึงพวกเขาจะไม่ใช้สโมสรที่ให้เวลาโค้ชมากนักจากประวัติที่ผ่านมา และตอนนี้ บาร์เซโลน่า ก็ต้องอดทนต่อไป เพราะปัญหาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไขได้ทันที และต้องใช้เวลาไม่น้อยเพื่อจะกลับมาเป็นยอดทีมอย่างที่พวกเขาเคยเป็นอีกครั้ง
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก
ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @UFA88SV1