บทความฟุตบอล ดีลสุดห่วย ประจำปีของ เชลซี

บทความฟุตบอล ดีลสุดห่วยประจำปีของ เชลซี

บทความฟุตบอล ดีลสุดห่วย ประจำปีของ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ราฮีม สเตอร์ลิง

บทความฟุตบอล ดีลสุดห่วย ประจำปีของ เชลซี ราฮีม สเตอร์ลิง เชลซี มีการผลัดเปลี่ยนสายการบริหารครั้งใหญ่ในฤดูกาลนี้จากมหาเศรษฐีรัสเซียอย่าง โรมัน อับราโมวิช มาเป็นกลุ่มทุนจากอเมริกานำโดย ทอดด์ โบห์ลี ซึ่งพวกเขาก็จัดการทุมเม็ดเงินสูงสุดเป็นประวัติการของสโมสรมากกว่า 250 ล้านปอนด์ในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมาเพื่อหวังจะนำพา สิงโตน้ำเงินคราม ขึ้นไปเป็นหัวแถวของวงการให้ได้อีกครั้ง

แต่แล้วก็อย่างที่ทราบกันว่าช่วงแรกของฤดูกาล หลาย ๆ อย่างดูจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังโดยเฉพาะผลงานที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานทำให้บอร์ดบริหารชุดใหม่คิดไวทำไวตัดสินใจปลด โธมัส ทูเคิล ออกจากตำแหน่งแบบสายฟ้าแลบก่อนจะแต่งตั้ง เกรแฮม พ็อตเตอร์ ผู้จัดการทีมเลือดผู้ดีที่โด่งดังกับ ไบรท์ตัน เข้ามาทำหน้าที่แทน

แม้จนถึงตอนนี้ฟอร์มการเล่นในภาพรวมของทีมจะเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับจูนและพัฒนาขึ้น แน่นอนจุดอ่อนที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของทีมตลอดเวลาที่ผ่านมานั่นคือเกมรุกที่หลังจากการมาของ ทูเคิล แม้ เชลซี จะมีเกมรับที่แข็งแกร่ง แต่เกมบุกดูจะไม่ใช่จุดที่พวกเขาทำได้ดีเท่าใดนัก

นั่นทำให้ซีซั่นนี้ทีมตัดสินใจคว้าตัวกองหน้าคนใหม่เข้ามาสู่ทีมสองรายในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะที่ผ่านมานั่นคือ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง จาก บาร์เซโลนา และ ราฮีม สเตอร์ลิง จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่หลายคนคาดว่าเขาทั้งสองจะสามารถยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรเก่าได้

แต่ผ่านมาแล้วหลายเดือนดูเหมือนจะยังไม่มีแววว่าจะเป็นไปตามที่หลาย ๆ คนฝันโดยเฉพาะในรายของ สเตอร์ลิง ตัวรุกเลือดผู้ดีวัย 27 ปีที่ไม่ว่าจะเล่นให้กับทีมใดก็มักจะได้รับโอกาสจากผู้จัดการทีมเสมอ ๆ จนถูกเรียกว่าเป็น “ลูกรัก” ทั้งกับ ลิเวอร์พูล แมนฯ ซิตี้ หรือแม้แต่ทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าผลงานของเขาจะขัดกับสิ่งที่แฟนบอลทั่วทั้งโลกเห็นก็ตาม

ซึ่งเสียงวิจารณ์ต่อตัวหัวหอกรายนี้ระงมมานานหลายปีแล้ว หากใครเป็นแฟนบอล พรีเมียร์ลีก ที่ติดตามชมจะทราบดีว่าทั้งในสโมสรและทีมชาติแนวทางการเล่นของเขาไม่ได้ดูดีเหมือนตัวเลขสถิติที่ออกมาเลย โดยตลอด 7 ปีที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เจ้าตัวยิงไปได้ถึง 131 ประตูเฉลี่ยฤดูกาลละเกือบ 19 ประตูเลยทีเดียว ซึ่งหากดูตัวเลขนี้ย่อมคุ้มค่าสุด ๆ กับค่าตัว 50 ล้านปอนด์ที่ เชลซี ลงทุนไป

ดูเหมือนปัจจัยหลาย ๆ อย่างมันแตกต่างออกไปที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้งตัวผู้เล่น ระบบ แนวทางการเล่น และที่สำคัญคือที่นี่ไม่มีชายที่ชื่อ เควิน เดอ บรอยน์ คอยป้อนใส่พานทองถวายประตูให้ชนิดที่แค่หาที่ว่าง ๆ ก็รับรองว่าได้ยิงแน่นอน แต่ขนาดปีก่อน ๆ จะยิงประตูถล่ม ๆ ทลายกับ เรือใบสีฟ้า แต่เหตุใดแฟน ๆ ซิตี้ ดูจะไม่ประทับใจกับฟอร์มของ สเตอร์ลิง นั่นก็เป็นเพราะจุดขายที่เป็นภาพลักษณ์ของเขามาแต่ไหนแต่ไรนั่นคือการใช้โอกาสสุดเปลื่อง ความไม่เฉียบขาดในการตัดสินใจจังหวะสุดท้าย จังหวะควรส่งกลับเลี้ยง จังหวะควรยิงกลับส่ง จังหวะที่ต้องเข้ากลับยิงทิ้งยิงขว้าง เราจะเห็นอะไรแบบนี้จากตัว ราฮีม อยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามโชคดีที่นั่นคือ แมนฯ ซิตี้ เพราะต่อให้เขาพลาด แต่โอกาสก็จะวนกลับมาหาเขาอยู่เรื่อย ๆ ขอแค่พาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่อันตราย แต่อย่างที่กล่าวไปว่ากับต้นสังกัดใหม่มันไม่เหมือนกัน เชลซี ไม่มีเพลย์เมคเกอร์ที่มีเซนต์ในการจ่ายบอลแม่น ๆ มาพักใหญ่แล้ว แม้ จอร์จินโญ หรือ เมสัน เมานท์ จะพอถูไถได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เนียบกริบเหมือนกับนักเตะอย่าง ฟาเบรกัส หรือ ฆวน มาต้า ในอดีต แถมวิธีการเล่นยังเน้นรัดแบบรัดกุม ตัวรุกในแดนหน้าต้องทำเกมเองร่วมกับแบ็คสองฝั่ง แน่นอนนั่นหมายความว่า สเตอร์ลิง จะยืนรอยิงอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว เขาจำเป็นต้องยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นคนปั้นเกม สร้างสรรค์โอกาส รวมถึงต้องจบให้แม่นยำเปลี่ยนโอกาสที่มีไม่มากเป็นประตูให้ได้

จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังคงคาแรคเตอร์เดิมไว้อย่างเหนี่ยวแน่นทั้ง เล่นยาก ตัดสินใจไม่ดี จบไม่คม จนสถิติมันบ่งบอกอย่างชัดเจน ในฤดูกาลนี้ สเตอร์ลิง เป็นคนที่พลาดโอกาสทองในการทำประตูมากที่สุดในทีม 5 ครั้งและเป็นนักเตะที่เสียการครองบอลมากที่สุดในทีมถึง 26 ครั้งอีกด้วยโดยที่อันดับรองลงมาอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์ เมสัน เมานท์ มีตัวเลขอยู่ที่เพียง 15 ครั้งเท่านั้น ผลงานในสนามก็ขาด ๆ เกิน ๆ ติดเลี้ยง แต่ก็เลี้ยงก็ไม่ผ่าน จังหวะควรยิงกลับจ่าย จังหวะต้องจ่ายกลับยิง แถมยังไม่คมเหมือนเคยอีกต่างหาก

ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายคนจะคิดว่าเงิน 50 ล้านปอนด์ที่จ่ายไปเพื่อดึงตัวแข้งรายนี้มาร่วมทีมจะเป็นดีลที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าในฤดูกาลนี้ เพราะหากเจ้าตัวยังทำผลงานได้แค่นี้ สโมสรคงไม่จำเป็นต้องทุ่มทุนมองหาตัวรุกคนใหม่เข้ามาก็ได้ เพราะดูจากทรงแล้วฝีเท้าของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่า คริสเตียน พูลิซิช หรือแม้แต่ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย เลยด้วยซ้ำ

ติดตาม ข่าวสารฟุตบอล ไปกับ เว็บข่าวกีฬา กูรูคาเฟ่

ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา

รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @GURUCAFEV2