บทความฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล กับเป็นเด็นร้อน
หลังจบเกมแดงเดือด ด้วยสกอร์ 2-1
บทความฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล ในวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2022 เวลา 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย กับประเด็นน่าสนใจหลังจากที่ทัพ “ปีศาจแดง” สามารถล้างตาคว้าชัยจากทัพ “หงส์แดง” ในบ้านตัวเองได้ด้วยสกอร์ 2-1
แฟนบอล “ปีศาจแดง” ออกมาประท้วงก่อนเตะ
กลุ่มแฟนบอล “แมนฯ ยูไนเต็ด” กว่าหมื่นราย ได้นัดหมายมาเพื่อประท้วงเจ้าของทีมอย่างครอบครัว “เกลเซอร์” โดยเรียกร้องให้ขายหุ้นสโมสรออกไป หลังจากที่แฟนบอลมองว่าผู้บริหารกลุ่มนี้มองหาแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไร้ความสำเร็จติดมือมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงจนเกินเหตุ จนทำให้เกมยังสามารถดำเนินการไปได้อย่างปกติ
แมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์มดีจนเหลือเชื่อ
เปิดเกมมาก็ต้องบอกว่าตกใจไม่น้อยที่ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” สามารถไล่ขึ้นสูงจนสามารถคว้าบอลมาครองเปิดเกมบุกใส่ “ลิเวอร์พูล” ได้ แถมยังทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในจังหวะการเข้าสู่พื้นที่ทำประตู และได้โอกาสจบสกอร์สวย ๆ อยู่หลายครั้ง จนในที่สุด “ซานโช” ก็ใช้ความเฉียบขาดในการทำประตูให้กับทีมในนาทีที่ 16 แม้หลังจากนั้นทีมเยือนพยายามจะเร่งเกม แต่ดูเหมือนจะเร่งไม่ขึ้นและเป็นฝ่ายของ “แมนเชสเตอร์” ที่สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้จนจบครึ่งแรก สำหรับช่วงครึ่งหลัง “เทน ฮาก” ได้มีการปรับแผนเล็กน้อย โดยไม่เน้นการครองบอล แต่ถอยมาตั้งรับ ทำให้เวลาต่อมาสามารถคว้าประตูได้อย่างรวดเร็ว โดยการหลุดเดี่ยวของ “มาร์คัส แรชฟอร์ดเถด” หลังจากนั้น “หงส์แดง” แทบจพับสนามอยู่ฝ่ายเดียวแต่ก็เจอรสบัสที่ถอยลงช่วยกันเล่นเกมรับเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้ช่วงท้ายเกม “ซาลาห์” จะสามารถคว้าประตูแรกให้กับทีมได้ แต่มันก็ไม่ทันเวลาอยู่ดี
แผงหลังทัพ “หงส์แดง” รั่ว
เรียกได้ว่าตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาก็เสียประตูไปแล้ว 5 ลูกจาก 3 เกมที่เริ่มต้น ซึ่งในศึกแดงเดือดก็เป็นเหมือนการตอกย้ำพวกเขาว่าแนวรับยังไม่ดีพอจะป้องกันความเร็วของแนวรุกของทัพ “ปีศาจแดง” ได้ ซึ่งไม่ต่างจากที่พวกเขาโดน “วิลฟรีด ซาฮา” ลุยเดี่ยวเข้าไปทำประตูเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ “เทรนต์” ที่เกมรับหลวมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนี้โดนคอมโบ มาลาเซีย , เอลันก้า , แรชฟอร์ด โถมใส่ตั้งแต่ต้นเกมจนมีจังหวะพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ทางฝั่ของ “โจ โกเมซ” ก็ยืนตำแหน่งได้ไม่ดีนัก เช็คล้ำหน้าพลาดจนเสียประตูที่สอง โดยที่ “ฟาน ไดจ์ค” เองก็ทำอะไรได้ไม่มาก อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะแดนมิดฟิลด์ของพวกเขาคุมเกมได้ไม่ดีพอ แถมยังพลาดเสียบบอลจ่ายจนกองหลังต้องรับงานหนักต่อทั้งเกม
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก
ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @GURUCAFEV2